วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง

12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง

วิธีทําให้ผิวขาว 12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง


วิธีทําให้ผิวขาว

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
        
          ในหมู่คนรักสวยรักงาม เป็นที่ทราบกันแบบอวดอ้างกล่าวขานต่อๆ กันมาว่า "กลูต้าไธโอน" เป็นสารที่ทำให้ผิวขาวผ่องและเป็นที่นิยมกันมาก แม้สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยจะออกมาเตือนผู้บริโภค ว่าไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่อ้างว่าสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้น เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์หรือยาอาจช่วยให้ผิวขาวได้ชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ร่างกายก็ผลิตเม็ดสีตามปกติ

          
อืม... แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะคะ สาวๆ ก็ต้องมาคู่กับความสวยความงาม วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองด้วยวิธีธรรมชาติๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วย ว่าแล้วไปดู  12 วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองกันเลย...

            1. การขัดผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาด หรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่าย ๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้ การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง  

         2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม       
            3. น้ำนมเพื่อผิวขาว ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

          
4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

          
5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดด หรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหน อยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

            6. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลา และอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด 20 นาทีก่อนออกแดดทุกครั้ง และทาซ้ำอีกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง

           7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่าย และยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วย ซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้ว หน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

           8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลา แถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

          
9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ผิวสวยสดใส ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

             10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือด จากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำ ความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

          
11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง 1 ระดับสี และหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้าผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

          
12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง และสูตร วิธีทําให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกัน มีดังนี้

           วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก

           วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิว และมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม


          


          
อ่านเพิ่มเติม....http://women.kapook.com/view742.html

เคล็ดลับผมสวย

เคล็ดลับผมสวย วิธีฟื้นฟูให้ผมเสียกลับมาสวย

เคล็ดลับผมสวย วิธีฟื้นฟูให้ผมเสียกลับมาสวย

เคล็ดลับผมสวย

เคล็ดลับฟื้นฟูให้ผมเสียกลับมาสวย
(ไอเอ็นเอ็น)
 
          เปลี่ยนผมเสียให้กลับเป็นผมสวย ใครที่รู้ตัวว่าผมเสีย วันนี้มีวิธีฟื้นฟูให้กลับมาสวยดังเดิม มาฝากกันค่ะ

        ทุกเช้าหลังตื่นนอน ใช้ปลายนิ้วมือสางผมอย่างอ่อนโยน ป้องกันปัญหาผมพันกัน

        ก่อนสระผม ใช้แปรงไม้แปรงผมอย่างเบามือ เพื่อให้สิ่งสกปรกที่ติดผมอยู่หลุดออก เพื่อความนุ่มสวยของผมก็อาจจะใช้น้ำมันมะกอกชโลมที่เส้นผม แล้วใช้มือสางให้ทั่วหมักทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนสระ

        เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผมที่เหมาะกับสภาพผม หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆ ซึ่งอาจทำลายสมดุลของสุขภาพผมได้

        หมั่นบำรุงผมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์เข้มข้น เพื่อคืนความชุ่มชื้นที่สูญเสียไปให้แก่เส้นผม หลีกเลี่ยงการใส่ครีมนวดบริเวณโคนผม เพราะจะทำให้หนังศีรษะมัน

        อย่าเกาศีรษะหรือขยี้ผมแรงๆ ระหว่างสระควรใช้ปลายนิ้วมือนวดบำรุงหนังศีรษะอย่างอ่อนโยน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และป้องกันหนังศีรษะเป็นแผลหรือเกิดรังแคได้

        ผมเปียกจะอ่อนแอเป็นพิเศษ หลังสระจึงไม่ควรขยี้ผมหรือแปรงผมแรง ๆ แต่ถ้าจะแปรงให้ก้มหัวลงและใช้หวีแปรงที่โคนผมจนถึงปลายผม เพื่อกระตุ้นหนังศีรษะ

        หากมีเวลาควรปล่อยให้ผมแห้งเองด้วยการใช้พัดลม หลีกเลี่ยงการไดร์ หนีบ หรือม้วนผมด้วยความร้อนสูงๆ

        รับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน วิตามินบี 6 แมกนีเซียม สังกะสี เพื่อบำรุงเส้นผม เช่น เนื้อ ตับ ไต ข้าวซ้อมมือ กล้วย ลูกพรุน ลูกเกด ถั่ว นมและผัก

        หมั่นเล็มปลายผมทุก 8-10 สัปดาห์ ปิดท้ายด้วยการหลีกเลี่ยงการรัดผม มัดผม หรือคาดผมจนตึงแน่นเพื่อลดความเครียดและป้องกันปัญหาศีรษะล้านได้

          วิธีแปรงผมที่ถูกต้อง ให้แบ่งผมเป็นส่วนๆ ค่อยๆ หวีผมทีละส่วนด้วยหวีไม้ซี่ห่างๆ หลีกเลี่ยงหวีพลาสติกที่จะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต เริ่มแปรงผมจากด้านในมาด้านนอก แปรงผมอย่างอ่อนโยนจากบนลงล่าง
อ่านเพิ่มเต็ม....http://women.kapook.com/view3620.html

คุณคนใหม่ด้วย สีผมสุดสวย

เป็นคุณคนใหม่ด้วย สีผมสุดสวย (ลิซ่า)
          หมดสมัยของการมีสีผมเดิม ๆ ชั่วตาปีตาชาติแล้ว และถ้าคุณอยากดูเป็นคนใหม่เพื่อต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง การเปลี่ยนสีผมก็คือสิ่งที่คุณต้องการ ถ้าเพียงแต่เลือกสีผมที่เหมาะเจาะ คุณก็จะยิ่งดูสวยและสดใสขึ้นอย่างที่ต้องการ เรามาบอกวิธีการให้คุณแล้ว

         
 ก่อนจะเปลี่ยนสีผม...
         เริ่มด้วยการถามตัวเองว่าคุณต้องการอะไร คุณต้องการเปลี่ยนลุคแบบสุดโต่งหรือเปล่า ถ้าต้องการแบบนั้นคุณต้องมีเวลาและความอดทนที่จะรักษาลุคเอาไว้ อย่าลืมนึกถึงไลฟ์สไตล์ตัวเองด้วยเวลาหาสีที่เหมาะสม

          ประเด็นต่อไปที่ต้องพิจารณาก็คือความสว่างกับความมืด กฎทั่วไป ก็คือให้แน่ใจว่าผมของคุณตัดกับสีผิว เพราะถ้าสีผมกับสีผิวใกล้กัน มันอาจทำให้คุณดูซีดเซียวได้

          ยิ่งเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องดูแลมากเท่านั้น รวมถึงการแต่งหน้าที่ควรต้องเปลี่ยนไปเพื่อให้รับกับสีผมสีใหม่ คิดดูดี ๆ ว่าคุณจะยินดีที่จะดูแลหรือแต่งหน้าแบบนั้นไปได้ทุกวันหรือเปล่า

          ผิวของคุณเป็นโทนสีร้อนหรือเย็น กฎก็คือการเลือกสีผมในตระกูลเดียวกับสีผิวของคุณ ที่จะทำให้ทั้งสีผมและสีผิวของคุณดูดีขึ้น

         
 โทนสีผิว vs โทนสีผม
          ทั้งสีผมและสีผิวของคนเรามักมีสีที่แฝงอยู่หรืออันเดอร์โทน (Undertone) เช่น สีผิวโทนร้อนจะมีสีเหลือง แดง และพืชเป็นสีอันเดอร์โทน ขณะที่โทนสีเย็นจะมีอันเดอร์โทนสีชมพู น้ำเงิน และม่วง ถึงแม้สีผิวจะมีหลายระดับ ตั้งแต่สีดำไปจนถึงน้ำตาลและขาวจนถึงขาวจัด โดยพื้นฐานแล้ว โทนสีผิวจะแบ่งกลุ่มเป็นสองประเภทโทนสีคือร้อนและเย็น

          สีสามารถส่งผลต่อผิวของคนเราได้อย่างมากมาย เช่น คนที่มีผิวขาวและใส่เสื้อผ้าสีอ่อน เช่น สีขาวหรือชมพูอ่อน มันทำให้สีผิวเธอยิ่งดูขาวขึ้นไปอีก หรือกลมกลืนกันไปจนขาดความโดดเด่น และนั่นมีผลอย่างเดียวกับคนที่มีผิวคล้ำแล้วใส่สีมืด ๆ

          สีผมที่ผิดอาจทำให้คุณดูอ่อนล้า แก่ หรือแม้แต่ดูป่วย แต่การตัดผมและใช้สีที่ดีสามารถทำให้คุณดูเด็กลงหรือแม้แต่ผอมลงได้ด้วยการเปลี่ยนรูปหน้าของคุณ เคล็ดลับหลักในการหาสีผมที่เหมาะสมก็คือการให้มันเสริมอันเดอร์โทนของสีผิวคุณ ไม่ใช่เข้ากันเป๊ะ และขณะที่คนจำนวนมากสามารถรู้ได้ง่าย ๆ ว่าตัวเองมีผิวในโทนร้อนหรือโทนเย็น บางคนอาจไม่แน่ใจจนกว่าจะได้พิจารณาปัจจัยสองสามอย่าง

         
 เมื่อไหร่ที่ควรไปหามืออาชีพ
          คุณสามารถที่จะทำสีผมด้วยตัวเองที่บ้านด้วยผลิตภัณฑ์สีผมที่สุดแสนจะก้าวหน้าในทุกวันนี้ แต่ในเงื่อนไขต่อไปนี้ มันดีกว่าที่จะปล่อยไว้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ

           คุณต้องการให้สีผมอ่อนหรือแก่กว่าเดิมมากกว่าสามเฉด

           คุณต้องการแก้ไขความเสียหายที่เกิดจากการทำสีผมด้วยตัวเองที่บ้าน

           ผมของคุณเสียหรือดัดมาก่อน

           คุณอยากได้การเปลี่ยนแปลงของสีผมที่หลากหลาย

         
 การระบุโทนสีผิว
          นอกเหนือจากพิจารณาสีผมดั้งเดิมและสีผิวแล้ว อีกวิธีหนึ่งในการตัดสินโทนสีผิว ก็คือการดูสีเส้นเลือดที่ข้อมือของคุณท่ามกลางแสงแดด ถ้าเส้นเลือดดูเป็นสีน้ำเงิน แสดงว่าคุณมีอันเดอร์โทนเป็นสีเย็น แต่ถ้าเส้นเลือดดูเป็นสีเขียวจางๆ คุณเป็นคนที่มีโทนผิวสีร้อน

          ส่วนคนที่มองหาการยืนยันมากกว่านั้น คุณสามารถลองพันผ้าสีขาวไว้รอบคอคุณ หลังจากล้างหน้าใหม่ ๆ และดูกระจกว่าผิวคุณดูเป็นสีเหลือง (สีร้อน) หรือสีน้ำเงิน (สีเย็น) การถือกระดาษสีขาวเอาไว้ข้าง ๆ ใบหน้าก็ให้ผลได้แบบเดียวกัน เช่นเดียวกับการใช้กระดาษสีส้มบรอนซ์/ส้ม (สีร้อน) กับสีชมพู (สีเย็น) เพื่อดูว่าสีไหนที่ดูดีกว่า เมื่อเทียบกับสีผิวของคุณ หรือใช้กระดาษสีเงิน (สีเย็น) หรือทอง (สีร้อน) เทียบกับผิวดูก็ได้

           สีผิวโทนร้อน

          โดยทั่วไปคุณจะดูดีกับเฉดสีอย่างสีดำ น้ำตาลเข้ม เชสต์นัต น้ำตาลทองเข้ม และสีน้ำตาลแดง ส่วนไฮไลต์ก็เลือก สีทองและสีแดง ที่จะดูดีสำหรับคุณ ส่วนถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงอย่างสุดโต่งเป็นสีทอง เฉดสีทองอย่างคาราเมลหรือบรอนซ์จะเหมาะกับคุณ โดยเลือกสีแดงสีชินนามอน และสีคอปเปอร์เป็นไฮไลต์

          สีที่ควรหลีกเลี่ยง สืบลอนด์แบบทองเหลือง เนื่องจากมันดูแรงเกินไป เช่นเดียวกับเฉดสีที่เจือสีน้ำเงิน ไวโอเล็ต ขาว และสีดำสนิทที่จะยิ่งทำให้คุณดูซีดเซียว

           สีผิวโทนเย็น

          ถ้าคุณมีโทนผิวสีเย็น หรือมีอันเดอร์โทนสีชมพูหรือน้ำเงิน สีที่เหมาะก็คือสีน้ำตาลเข้ม แดง หรือบลอนด์ และเสริมด้วย ไฮไลต์สีน้ำผึ้งหรือสีเทา นอกจากนั้น คุณก็ยังสามารถใช้สีที่ดูไม่เป็นธรรมชาติได้หลายสี

          สีที่ควรหลีกเลี่ยง สีทอง เหลือง แดง และบรอนซ์ ที่มักจะทำให้คุณดูซีดเซียวลงไปอีก

           
ไฮไลต์หรือโลว์ไลต์
          นอกจาการเปลี่ยนสีผมทั้งศีรษะการเปลี่ยนสีผมบางส่วนเป็นสีที่แตกต่างออกไป หรือที่เรียกว่า "ไฮไลต์" ในกรณีที่คุณใช้สีที่อ่อนกว่าสีผมทั้งหมด และ "โลว์ไลต์" สำหรับสีผมที่เข้มกว่าสีผมที่เป็นสีพื้น ทั้งสองอย่างเป็นทางเลือกในการสร้างมิติให้แก่เส้นผมของคุณและทำให้ทรงผมคุณดูน่าสนใจขึ้น โดยไฮไลต์ควรจะเป็นสีอ่อนกว่าสีผมสักสองสามเฉด และแทรกตัวในเส้นผมบริเวณที่ได้รับแสงเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ขณะที่โลว์ไลต์จะดูดีที่สุดเมื่อซ่อนเป็นกรอบอยู่รอบ ๆ ใบหน้า ทั้งไฮไลต์และโลว์ไลต์ควรจะให้มืออาชีพเป็นผู้จัดการให้จะดีที่สุด



อ่านเพิ่มเต็ม...http://women.kapook.com/view8401.html

11 เคล็ดลับหน้าใส

ยุคนี้สมัยนี้เทรนด์หน้าใสกำลังมาแรงไม่ว่าจะคนหนุ่มสาวหรืออายุจะล่วงเลยวัยกระเตาะมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ใครบ้างล่ะอยากแก่แถมใบหน้ามีแต่ริ้วรอยเหยี่ยวย่น หากไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัยและคงความหน้าใสให้ยาวนานที่สุดวันนี้เรามี 11 เคล็ดลับวิชาหน้าใสมาฝากกันดังนี้
1. อย่าถ่างตานอนดึกให้มากนัก ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ดูหนัง ดูละคร หรือทำงานอย่างไม่หยุดพัก ถึงใจยังสู้แต่สังขารอาจไม่ไหว นอนแต่หัวค่ำดีกว่า
2. ดื่มน้ำมากๆให้ได้วันละ 6 8 แก้ว หรือหากคุณดื่มมากกว่านั้นได้ก็จะเป็นการดี และยิ่งถ้าเป็นน้ำเปล่าก็ยิ่งจะดีใหญ่ หากคุณชอบดื่มน้ำอัดลมก็ดื่มได้เป็นครั้งคราว เพราะถ้าดื่มมากๆ จะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและกัดกระเพาะจนคุณปวดท้องได้
3. ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอและบริหารหน้าด้วยการนวด หรือง่ายๆแค่พูดว่า อา อี เอ โอ อู ออกกำลังกายกล้ามเนื้อหน้า หน้าจะได้ไม่เเหยี่ยวย่น
4. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดน้ำชา กาแฟ งดสูบบุหรี่ เพราะมันจะทำให้คุณแก่เกินอายุค่ะ ถ้าใครเถียงหละก็… ขอท้าให้คุณสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟจัดๆ ลองเดินคู่กับเพื่อนที่ไม่ดื่ม ไม่สูบ แล้วถามคนอื่นๆดูว่าคุณกับเพื่อนใครแก่กว่ากัน
5. อย่าตากแดดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดที่แรงจัด มิเช่นนั้นหน้าของคุณจะแก่ไม่รู้ตัว หากต้องเผชิญกับแสงแดดอย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน
6. ใช้โลชั่นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความเสี่ยง หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้แก่ เช่น อยู่แต่ในห้องแอร์ ที่เปิดเบอร์เดียวหนาวจัดตลอดปีตลอดชาติ หากแอร์ของคุณปรับได้ กรุณาปรับอุณหภูมิบ้างเถอะค่ะ
7. ทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ แล้วยิ่งหากคุณเป็นสิวด้วยแล้วคุณควรใช้โฟมล้างหน้าที่เหมาะสำหรับการรักษาสิวเท่านั้น โฟมที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณลื่นขึ้น ที่สำคัญห้ามแกะสิวอย่างเด็ดขาด คนที่เป็นสิวเสี้ยนหากยิ่งแกะ ผิวของคุณหลังแกะก็จะคล้ายกับโลกดวงจันทร์ ส่วนบรรดาสิวมีหนองทั้งหลาย หากยิ่งแกะก็จะยิ่งเกิดการอักเสบ สิว เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของคุณดูเครียดและแก่ได้โดยเฉพาะบรรดาผิวโลกดวงจันทร์ทั้งหลาย
8. หากคุณเป็นคนผิวแห้ง ควรใช้มอยซเจอร์ไรส์ก่อนนอนทุกครั้ง และถ้ามีส่วนใดที่แห้งเป็นพิเศษ ควรใช้โลชั่นที่มี AHA ทาให้ทั่วบริเวณ แต่ถ้าคุณเป็นคนหน้ามัน ควรใช้มอยซเจอร์ไรส์ชนิดเจลจะเหมาะกว่าชนิดครีม
9. อย่าใช้มือสัมผัส จับ ลูบ ถูใบหน้าในช่วงระหว่างวัน จำไว้ว่างทุกครั้งเมื่อไปถึงที่ทำงานหรือทันทีที่กลับถึงบ้านต้องล้างมือก่อนเสมอ เพราะมือของเราจับต้องสิ่งสกปรกเชื้อโรค ฝุ่นละอองต่างๆมาตลอดทั้งวัน และการที่คุณจะเผลอเอามือไปจับหน้าจับตาอาจทำให้สิวขึ้นได้
10. ล้างเครื่องสำอางออกอย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัย ให้คุณล้างมาสคารา หรืออายแชโดว์ ด้วยเครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน ทั้งนี้เพื่อมิให้น้ำมันที่ว่าแทรกซึมไปตามผิวหนังส่วนอื่นๆ เพราะอาจจะไปกระตุ้นหรือระคายเคืองผิวให้เกิดสิวขึ้นบนใบหน้าได้
11. หากมีปัญหาเรื่องผิวบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตามแต่ ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ดีกว่าไปนั่งปรึกษาตามเคาน์เตอร์เสริมความงามอย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติม....http://lady.one.in.th/11-%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AA/

หน้าใสด้วยแอปเปิ้ล

 
หน้าใสด้วยแอปเปิ้ล
วิธีการบำรุงหน้าให้สวยใส อมชมพู ด้วยแอปเปิ้ล
นำแอปเปิ้ลปอกเปลือก แล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นล้างหน้าตามปกติ จากนั้นเรานำเนื้อแอปปิ้ลที่ปั่นละเอียดที่ได้ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดเบาๆ
ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น นอกจากนี้ยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป ยังเป็นการช่วยบำรุงความชุ่มชื่่นให้ใบหน้าคุณผู้หญิงดูสดใสเปล่งปลั่งด้วย

ลองนำไปใช้ดูได้ วิธีง่ายๆ แค่นี้หน้าก็สวยใส อมชมพูแล้ว

หน้าใสด้วยแอปเปิ้ล

- เมื่อรู้สึกตัวว่ามีผิวหน้าอ่อนโรยหน้าไม่ใสอยากให้กลับมาดูสดชื่นหน้า ใส ปิ๊งๆ ก็ให้นำเอาเนื้อแอปเปิ้ลสดๆบดหรือปั่นให้ละเอียดแล้วนำมานวดให้ทั่วใบหน้า และผิวหนังบริเวณลำคอ ทำเป็นประจำอาจจะอิาทิตย์ละ 2-3 ครั้งครั้งละ 15-20นาที หรือทำจนกว่ารู้สึกว่าผิวหน้าใสและสดชื่นขึ้น

- สำหรับสาวผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาผิวแต่อย่างใดแต่อยากให้หน้าใสสด ชื่น ก็ให้นำแอปเปิ้ลมาปอกเปลือกก่อนจากนั้นก็นำมาบดแล้วปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาผสมกับน้ำมันข้าวโพด หรือน้ำมันเมล็ดทานตะวัน ( หาซื้อทั่วไป) ประมาน 1 ช้อนชา ตามด้วยแป้งข้าวโพดอีก 1 ช้อนชา แล้วทาลงให้ทั่วใบหน้าเว้นขอบตา ทิ้งไว้ประมาน 15-20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น เพียงแค่นี้ก็ได้บำรุงให้หน้าใส

- สำหรับสาวผู้มีผิวพรรณร่วงโรยตามกาลเวลาหรือก่อนเวลาอันควร แล้วอยากรีบบำรุงให้กลับมาเป็นสาวหน้าใสเหมือนเดิมก็ให้ พอกหน้าด้วยแอปเปิ้ล อบ หรือเอาแอปเปิ้ลไปต้มแล้วบดให้ละเอียดนำไปผสมกับน้ำมันมะกอกและน้ำผึ้งหนึ่ง ช้องชา เพื่อทำให้ผิวยึดหยุ่นและชะลอกระบวนการร่วงโรยของผิว

- สำหรับสาวเป็นสิวหรือมีรอยแผลเป็นจากสิวแล้วอยากกลับมาเป็นสาวหน้า ใสเหมือน เดิมก็ให้นำแอปเปิ้ลสีเขียวมาบดผสมกับน้ำผึ้งแท้ๆ ประมาน 1 ช้อนโต๊ะคนให้เข้ากันแล้วนำมาทาให้ทั่วใบหน้า อาจจะทาพอกเน้นบริเวณที่มีรอยแผลเป็น ทิ้งไว้ประมาน 15-20 นาทีแล้วล้างออก

อยากสาวใส ต้องดูแลกันหน่อย นะจ๊ะ
 
 
อ่านเพิ่มเติม...http://xn--42c6apd7cb1bg6cn9lvb5b8a.blogspot.com/2010/07/blog-post.html